วิตามินเค (Vitamin K) ประโยชน์ของวิตามินเค 4 ข้อ !
- วิตามินเค หรือ เมนาไดโอน เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน โดยวิตามินเค มี 3 ชนิดคือ วิตามินเค 1 (ฟิลโลควิโนน) พบได้ในผักใบเขียว, วิตามินเค 2 (เมนาควิโนน) สร้างขึ้นโดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ และวิตามินเค 3 (ไฮโดรฟิลโลควิโนน) ซึ่งเป็นวิตามินสังเคราะห์
- วิตามินเค 1, วิตามินเค 2 มีความสำคัญต่อสุขภาพที่ดีในแง่ที่แตกต่างกัน ส่วนวิตามินเค 3 ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ และไม่ได้ทำหน้าที่เป็นวิตามินเคอย่างแท้จริง และในตัวมันเองก็ไม่จัดว่าเป็นวิตามินที่ดีต่อร่างกาย โดยวิตามินเคจะมีหน่วยวัดเป็นไมโครกรัม (มคก. หรือ mcg.) และมีความสำคัญในการสร้างโพรทรอมบิน (Prothrombin) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เลือดแข็งตัว
- แหล่งที่พบวิตามินเคตามธรรมชาติ ได้แก่ ไข่แดง ผักใบเขียว นม เนย อัลฟาฟา สาหร่ายเคลป์ น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันตับปลา เป็นต้น
- ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด แม้ว่าวิตามินเคจะมีความแตกต่างจากวิตามินที่ละลายในไขมันตัวอื่น ๆ คือไม่มีการสะสมในร่างกาย แต่ก็ไม่แนะนำให้รับประทานวิตามินเคแบบสังเคราะห์ในปริมาณที่มากกว่า 500 ไมโครกรัมต่อวัน โดยศัตรูของวิตามินเค ได้แก่ ยาแอสไพริน อาหารแช่แข็ง มลพิษในอากาศ น้ำมันแร่ธรรมชาติ การเอกซเรย์ และการฉายรังสี
- โรคจากการขาดวิตามินเค ได้แก่ โรคลำไส้อักเสบซีลิแอก (Celiac) โรคบิดสปรู (Sprue) และโรคลำไส้อักเสบ
ประโยชน์ของวิตามินเค
- ช่วยป้องกันเลือดออกภายในและเลือดออกไม่หยุด
- ช่วยบรรเทาอาการประจำเดือนมามากกว่าปกติ
- ช่วยในกระบวนการสร้างลิ่มเลือด
- ช่วยป้องกันกระดูกเปราะบาง
คำแนะนำในการรับประทานวิตามินเค
- ขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 65 – 80 ไมโครกรัมต่อวัน
- วิตามินเคในรูปแบบของอาหารเสริมมีจำหน่ายทั่วไปในรูปแบบเม็ด โดยมีขนาดประมาณ 100 ไมโครกรัม ซึ่งจะผสมอยู่ในวิตามินรวมทั่ว ๆ ไป
- ผู้ที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี เป็นโรคตับ โรคระบบทางเดินอาหาร มีความเสี่ยงต่อการขาดวิตามินเค
- การรับประทานวิตามินอีปริมาณสูงมาก ๆ จะส่งผลต่อการดูดซึมของวิตามินเคได้
- อาการท้องร่วงอย่างหนักอาจเป็นอาการแสดงออกของภาวะขาดวิตามินเคได้ แต่ก่อนที่จะรักษาตัวเองด้วยการรับประทานอาหารเสริมควรปรึกษาแพทย์ก่อน
- การรับประทานผักใบเขียวเป็นประจำ เป็นวิธีป้องกันการขาดวิตามินเคได้ดีที่สุด
- หากคุณมีเลือดกำเดาไหลบ่อยครั้ง ควรลองรับประทานอาหารที่มีวิตามินเคสูงให้มากขึ้น หรือรับประทานอัลฟัลฟาแบบเม็ดก็อาจจะช่วยได้ หากคุณกำลังรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด พึงระลึกไว้เสมอว่า วิตามินเคอาจไปต้านฤทธิ์ของยาได้ แม้ว่าจะเป็นวิตามินเคจากอาหารธรรมชาติก็ตาม
- ยาลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดอาจทำให้เกิดภาวะขาดวิตามินเคได้ และหากคุณรับประทานยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์กว้างเป็นเวลายาวนานและต่อเนื่อง ร่างกายอาจมีความเสี่ยงต่อการขาดวิตามินเคได้ ควรรับประทานอาหารที่ให้วิตามินเคเพิ่มมากขึ้น
แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (MedThai)
------------------------------------------------------------------------------------
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://www.moryanaresuan.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น