คิวเทน ประโยชน์ของโคเอนไซม์คิวเทน 8 ข้อ ! (Coenzyme Q10)
- โคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในทุกเซลล์ของสิ่งมีชีวิต มีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างพลังงาน หากอายุมากขึ้นโคเอนไซม์คิวเทนในร่างกายจะลดลง ซึ่งอาจสัมพันธ์กับการเกิดโรคได้หลายชนิด เช่น โรคชรา นอกจากนี้ความเครียด การติดเชื้อ การรับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ อาจทำให้ปริมาณ Coenzyme Q10 ในร่างกายไม่เพียงพอ
- ศัตรูของโคเอนไซม์คิวเทน ได้แก่ การเก็บอาหารไว้เป็นเวลานานและกระบวนการแปรรูปอาหาร
- แหล่งที่พบโคเอนไซม์คิวเทนตามธรรมชาติ ได้แก่ ไข่ เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ตับ ไต หัวใจ น้ำมันปลา ปลาทะเลน้ำลึก ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาแซลมอน อาหารทะเล ผลิตภัณฑ์จากนม น้ำมันถั่วเหลือง ผัก รำข้าว ซีเรียล น้ำมันถั่วเหลือง เป็นต้น
ประโยชน์ของโคเอนไซม์คิวเทน
- โคเอนไซม์คิวเทนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในทุกเซลล์ของสิ่งมีชีวิต มีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างพลังงาน
- มีความสำคัญอย่างมากต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เพราะถ้าหากร่างกายขาด Coenzyme Q10 เซลล์ในร่างจะหยุดทำงานทันที !
- มีบทบาทสำคัญในการช่วยลดริ้วรอยและชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง
- Coenzyme Q10 มีคุณสมบัติคล้ายกับวิตามินอี ช่วยเสริมการทำงานของหัวใจ เพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- ช่วยรักษาโรคเหงือก ชะลอความผิดปกติและการดำเนินของโรคพาร์กินสันได้
- สำหรับผู้สูงอายุหลาย ๆ คนแล้วการรับประทานโคคิว 10 จะทำให้ร่างกายรู้สึกเหมือนมีพลังขึ้นมาทันที
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เพราะโคคิว 10 จะไปช่วยบรรเทาอาการเจ็บหน้าอกได้ดีกว่ายาแผนปัจจุบัน
- เชื่อว่าสามารถช่วยรักษาและป้องกันโรคมะเร็งได้
คำแนะนำในการรับประทานโคเอนไซม์คิวเทน
- โคเอนไซม์คิวเทนในรูปของอาหารเสริมเป็นสารอาหารที่ละลายได้ดีในไขมัน ควรเลือกที่อยู่ในรูปของน้ำมันซึ่งจะดูดซึมได้ดีมาก โดยในรูปเจลที่อยู่ในรูปของน้ำมันถั่วเหลืองจะดูดซึมได้ง่ายและดีที่สุด (รับประทานง่ายด้วย) และควรรับประทานแคปซูลขนาด 30 มิลลิกรัม ครั้งละ 1 เม็ด ได้ถึงวันละ 3 เวลา ทั้งนี้ควรเก็บให้พ้นแสงและเก็บไว้ในอุณภูมิปกติหรือเย็น (ห้ามแช่แข็ง)
- สำหรับผู้ที่รับประทานยาลดระดับคอเลสเตอรอลเพื่อลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ (สเตติน) จะทำให้โคคิว 10 ในร่างกายลดลงได้ ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจมากยิ่งขึ้น ! ดังนั้นควรรับประทานโคคิว 10 ร่วมกับสเตตินด้วย
- การรับประทานอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่า 2 เดือนขึ้นไปกว่าจะเห็นผล
- ขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันสำหรับวัยผู้ใหญ่คือ 30 มิลลิกรัม แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคชราหรือเป็นโรคอื่น ๆ ควรรับประทาน 50 – 100 มิลลิกรัม ต่อวัน
แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (MedThai)
------------------------------------------------------------------------------------
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://www.moryanaresuan.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น