ธาตุเหล็ก (Iron) ประโยชน์ของธาตุเหล็ก 5 ข้อ !
- ธาตุเหล็ก (Iron) มีความสำคัญต่อร่างกายอย่างมากในการผลิตเฮโมโกลบิน ไมโอโกลบิน และเอนไซม์บางชนิด และมีความจำเป็นต่อกระบวนการเผาผลาญของวิตามินบี โดยทองแดง โคบอลต์ แมงกานีส วิตามินซี มีความสำคัญอย่างมากต่อการดูดซึมของธาตุเหล็ก แต่วิตามินอีและสังกะสีที่มีมากเกินไป จะขัดขวางการดูดซึมของธาตุเหล็กเสียเอง ธาตุเหล็กที่เรารับประทานเข้าไปในร่างกายนั้น มักจะถูกดูดซึมเข้ากระเลือดได้เพียงแค่ 8% เท่านั้น
- แหล่งอาหารที่มีธาตุเหล็ก ได้แก่ เนื้อแดง เนื้อวัว เนื้อหมู ตับ หอยกาบ หอยนางรม ไข่แดง ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช ลูกพีชแห้ง ถั่วต่าง ๆ ข้าวโอ๊ต กากน้ำตาล หน่อไม้ฝรั่ง ผักกูด ถั่วฝักยาว ผักแว่น เห็ดฟาง พริกหวาน ใบแมงลัก ใบกะเพรา มะกอก กระถิน เป็นต้น
- สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 70 kg. ในร่างกายจะมีธาตุเหล็กประมาณ 4 กรัม แต่ขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันสำหรับผู้ใหญ่คือประมาณ 10 – 15 มิลลิกรัม สำหรับหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 30 มิลลิกรัมต่อวัน
- ศัตรูของธาตุเหล็ก ได้แก่ ฟอสโฟโปรตีนในไข่และสารไฟเทตในขนมปังโฮลวีตที่ไม่ได้หมักฟู โรคจากการขาดธาตุเหล็ก ได้แก่ โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก เด็กมีพัฒนาการเจริญเติบโตช้า มีร่างกายอ่อนเพลีย ผิวพรรณดูไม่สดใส ผิวซีด
ประโยชน์ของธาตุเหล็ก
- ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย
- ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลียของร่างกาย
- ช่วยเสริมความต้านทานต่อการเจ็บป่วย
- ช่วยป้องกันและรักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
- ช่วยทำให้สีผิวพรรณดูเรียบเนียน
คำแนะนำในการรับประทานธาตุเหล็ก
- เฟอร์รัสซัลเฟตเป็นธาตุเหล็กอนินทรีย์ พบได้มากในรูปของวิตามินรวมและแร่ธาตุรวม แต่มีคุณสมบัติที่สามารถทำลายวิตามินอีได้ ดังนั้นควรจะแยกรับประทานอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
- ธาตุเหล็กอินทรีย์ เช่น เฟอร์รัสกลูโคเนต เฟอร์รัสฟูเมเรต เฟอร์รัสซิเทรต เฟอร์รัสเปปโทเนต จะไม่ยับยั้งการทำงานของวิตามินอี โดยปริมาณที่จำหน่ายค่อนข้างจะหลากหลายและมากสุดถึง 320 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็กที่ดูดซึมได้ดีที่สุดก็คือธาตุเหล็กในรูปที่ผ่านการคีเลชัน ซึ่งไม่ทำให้ระคายเคืองและท้องผูก แม้คนที่แพ้ง่ายก็ตาม
- ปริมาณธาตุเหล็กที่มีมากเกินไปในกระแสเลือด อาจไปกระตุ้นการก่อตัวของอนุมูลอิสระและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้โดยเฉพาะผู้ชาย
- ผลเสียของการรับประทานธาตุเหล็กเกินขนาด ซึ่งพบได้น้อยมากสำหรับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง แต่ขนาดที่แนะนำให้ผู้ใหญ่รับประทานอาจเป็นอันตรายกับเด็กได้ และในขนาด 3,000 มิลลิกรัมอาจทำให้เด็กอายุ 2 ขวบถึงแก่ชีวิต
- ผู้ที่เป็นโรคฮีโมโครมาโตซิสโดยไม่ทราบสาเหตุมีกรรมพันธุ์ที่เสี่ยงต่อการมีธาตุเหล็กสะสมในร่างกายมากเกินไป คุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทาน
- สำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดือนมามาก ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ หรือควบคุมอาหาร คุณควรได้รับธาตุเหล็กเสริม
- สำหรับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ร่างกายอาจจะไม่ต้องการธาตุเหล็กเสริมอีก
- ผู้ที่รับประทานยาแอสไพริน อินโดซิน ยาแก้อักเสบทุกวัน ร่างกายควรได้รับธาตุเหล็กเสริม
- สำหรับผู้ที่กำลังเป็นโรคติดเชื้อ ไม่ควรรับประทานธาตุเหล็กเสริม เพราะจะทำให้เพิ่มจำนวนของแบคทีเรียได้
- สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟหรือชาเป็นประจำ อาจไปขัดขวางการดูดซึมของธาตุเหล็กได้
- สำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หากจะรับประทานธาตุเหล็กเสริม ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะเคยมีรายงานว่าเด็กมีอาการเป็นพิษจากธาตุดังกล่าวเนื่องจากมารดารับประทานธาตุเหล็กมากเกินไปในขณะตั้งครรภ์
- และที่สำคัญคุณคุณควรเก็บรักษาวิตามินแบบเคี้ยวที่มีธาตุเหล็กอยู่ให้ห่างจากมือเด็ก และสอนให้เด็ก ๆ รู้ว่าวิตามินเหล่านี้ไม่ใช่ขนม
แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)
------------------------------------------------------------------------------------
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://www.moryanaresuan.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น