น้ํามันตับปลา ประโยชน์ของน้ำมันตับปลา 12 ข้อ ! | โทษของน้ํามันตับปลา
น้ำมันตับปลา จัดเป็นอาหารเสริมชนิดแรก ๆ ที่ได้เข้ามามีบทบาทในวงการสุขภาพของไทยมาหลายปีแล้ว ซึ่งถ้าพูดถึงน้ำมันตับปลาแล้ว หลาย ๆ คงก็พอจะคุ้นหูกันบ้างแหละ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าน้ำมันตับปลามันคืออะไร มันมีสรรพคุณและประโยชน์อย่างไร มีโทษมีผลเสียอะไรหรือไม่ แล้วมันแตกต่างกับน้ำมันปลายังไง แล้วที่สำคัญมันใช้ได้ผลดีจริงหรือไม่ ? วันนี้เราจึงได้นำเรื่องราวของน้ำมันตับปลามาฝากเพื่อน ๆ เพื่อเป็นเกร็ดความรู้กันครับ
น้ำมันตับปลา (Cod liver oil) เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดหนึ่งที่มีสารพัดยี่ห้อไม่ว่าจะอยู่ใรูปของซอฟต์เจล แคปซูล หรือน้ำก็ตาม โดยสกัดมาจากตับของปลาทะเล ซึ่งมีส่วนประกอบสำคัญหรือวิตามินที่สำคัญนั่นก็คือวิตามินเอและวิตามินดี โดยนิยมใช้ในเด็กและวัยทั่วไปเพื่อช่วยเสริมสร้างกระดูกและช่วยเสริมสุขภาพ การรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมนั้นจะได้รับประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าการรับประทานในปริมาณมากเพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ และสำหรับหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทาน เนื่องจากมีปริมาณของวิตามินเอสูง อาจทำให้เกิดความผิดปกติของเด็กทารกในครรภ์ได้
น้ํามันตับปลากับน้ํามันปลา ต่างกันอย่างไร แล้วมันเหมือนกันหรือไม่ ? น้ำมันตับปลาสกัดมาจากตับของปลาทะเลตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ส่วนน้ำมันปลา (Fish oil) นั้นเป็นน้ำมันที่สกัดมาจากหัว หนัง เนื้อ และหางของปลาทะเล และยังมีความแตกต่างในเรื่องของคุณค่าทางอาหารอีกด้วย โดยน้ำมันตับปลาจะอุดมไปด้วยวิตามินเอและวิตามิดี ส่วนน้ำมันปลานั้นจะอุดมไปด้วยโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 สรุปก็คือมันไม่เหมือนกันครับ และประโยชน์ก็แตกต่างกัน
โทษของน้ำมันตับปลา : การรับประทานน้ำมันตับปลาในปริมาณที่มากเกินไป อาจจะทำให้เกิดพิษจากวิตามินเอได้ เช่น มีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน มีผลต่อระบบประสาท ทำให้ตับถูกทำลาย หิวน้ำ ปัสสาวะบ่อย และอาจทำให้ผมร่วง ผิวแห้งได้อีกด้วย ส่วนการได้รับวิตามินดีสะสมมากจนเกินไปนั้นก็อาจจะมีผลเสียต่อระบบเลือดได้เช่นกัน อาจทำให้ไตวายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ จึงไม่แนะนำให้ซื้อมาให้เด็กรับประทานเป็นประจำและในปริมาณที่มากเกินไป นอกจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะสั่ง เพราะยาจะสะสมในร่างกายมากจนเกินไปและทำให้เกิดอันตรายได้ (อ้างอิง : ภญ.วิภาจรี นวสิริ เภสัชกร สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี)
รู้ไว้ใช่ว่า : น้ำมันตับปลามีสารบางอย่างที่มีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด โดยทำให้เกล็ดเลือดทำงานผิดปกติเหมือนกับยาแก้ปวดอย่างแอสไพริน ถ้าหากคุณรับประทานน้ำมันตับปลาเป็นเป็นประจำและจะต้องเข้ารับการผ่าตัด คุณควรบอกแพทย์ให้ละเอียดถึงการรับประทานยา และจะต้องหยุดยาก่อนเข้ารับการผ่าตัดประมาณ 10 วัน เพื่อให้เกล็ดเลือดตัวใหม่สมบูรณ์ เพื่อป้องกันอาการเลือดไหลไม่หยุดหรือออกมามากกว่าปกติ (อ้างอิง : พ.อ.รศ.นพ. วิเชียร มงคลศรีตระกูล)
ประโยชน์ของน้ำมันตับปลา
- วิตามินดีช่วยเสริมการทำงานของธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัสได้เป็นอย่างดี จึงช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน
- ช่วยป้องกันโรคกระดูกอ่อนในเด็ก ฟันผุขั้นรุนแรง โรคกระดูกน่วม ภาวะกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ
- วิตามินดีช่วยในการดูดซึมของวิตามินเอในน้ำมันตับปลาได้เป็นอย่างดี
- วิตามินดีสามารถช่วยรักษาโรคเยื่อบุตาอักเสบได้
- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวหนัง และดวงตาจากการถูกทำลายจากมลพิษ
- ประโยชน์น้ำมันตับปลา มีส่วนช่วยขับล้างสารพิษในร่างกาย
- สรรพคุณน้ำมันตับปลาช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและการสมานแผล
- ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- วิตามินเอช่วยลดระยะเวลาการเจ็บป่วยจากโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
- ช่วยบรรเทาอาการปวดตามร่างกาย โดยเฉพาะอาการของโรคข้อต่ออักเสบ (ไอส์ลา บอสเวิร์ธ แห่งสถาบันวิจัยโรคข้อต่อแห่งชาติ)
- การใช้ร่วมกับการรักษามะเร็งแผนปัจจุบัน สามารถช่วยฆ่าเซลล์มะเร็ง ป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้
- ช่วยลดอาการข้างเคียงจากการได้รับยาเคมีบำบัดหรือการฉายรังสี
แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (EN), สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
------------------------------------------------------------------------------------
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://www.moryanaresuan.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น