ยุคนี้กระแสเฮลธ์ตี้มาแรงสุด ๆ เห็นได้จากคนจำนวนไม่น้อยเอาจริงเอาจังกับการออกกำลังกาย และเลือกทานอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น ซึ่งคนรักสุขภาพส่วนใหญ่ก็จะทำอาหารทานเองที่บ้านนี่แหละค่ะ เพราะจะได้มั่นใจในความสด สะอาดของอาหาร ดังนั้นในตู้เย็นของคนรักสุขภาพจึงเต็มไปผัก-ผลไม้ อาหารสด ๆ ใหม่ ๆ ที่แช่ไว้รอให้หยิบออกมาปรุงจานเด็ด
แต่บ่อยครั้งความเซ็งก็บังเกิด เพราะผัก-ผลไม้สด ๆ ที่ซื้อมาแช่ตู้เย็นไว้ ผ่านไปได้ไม่กี่วันมาเปิดตู้เย็นอีกที โอ้โห...ผัก-ผลไม้ที่เคยสดใหม่น่ารับประทาน กลายเป็นใบเหี่ยว ๆ เฉา ๆ ดูเหมือนเกือบจะเน่าอยู่รอมร่อ แถมยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาหารจากช่องแช่เย็นด้านล่างที่มากวนถึงช่องแช่แข็งด้านบนอีก เฮ้อ...นี่ต้องตัดใจทิ้งอาหารไปอีกแล้วเหรอเนี่ย ?
เอาเป็นว่าวันนี้กระปุกดอทคอมขอเปิดตู้เย็นท้าพิสูจน์ด้วยตัวเองเลยว่า ตู้เย็นที่มีระบบกระจายความเย็น 2 ระบบ แตกต่างกับตู้เย็นแบบเก่าที่มีระบบเดียวอย่างไร
สำหรับตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plus ที่เราจะได้สัมผัสกัน เป็นรุ่น RT62K7350BS/ST ขนาด 20.1 คิวค่ะ เริ่มจากบอดี้ด้านนอกของตู้เย็นกันก่อน เห็นปุ๊บต้องบอกว่าตู้เย็น 2 ประตูสีดำรุ่นนี้ดูเรียบหรูไม่เบา ด้านบนเป็นช่องแช่แข็ง ส่วนด้านล่างเป็นช่องแช่เย็นทั่วไป
เก๋สุด ๆ ก็คือมีช่องกดน้ำเย็น อำนวยความสะดวกให้เราดื่มน้ำเย็นชื่นใจได้โดยไม่ต้องเปิด ๆ ปิด ๆ ตู้เย็นให้เปลืองไฟเลย
คราวนี้มาเปิดตู้เย็นชมด้านในกันบ้าง
โอ้โห...พื้นที่กว้างไม่ใช่เล่นเลยนะคะ ซึ่งด้วยขนาดความจุถึง 620 ลิตร แน่นอนว่าต่อให้ซื้อของมาเยอะเกินไป ก็เก็บเข้าตู้เย็นได้อย่างสบาย ๆ เลย
ตู้บนเป็นช่องแช่แข็งหรือช่องฟรีซ เก็บความเย็นและถนอมอาหารให้สดใหม่อยู่เสมอ จะทำน้ำแข็ง หรือแช่ไอศกรีมไว้ทานก็จัดไป
ตู้ล่าง มีชั้นวางของค่อนข้างเยอะ ดูเป็นสัดเป็นส่วนดี จะจัดอะไร ใส่ตรงไหนก็ง่าย
แอบเห็นตรงนี้มีถาด Deli Tray ไซส์กะทัดรัด สามารถถอดออกได้ ใช้สำหรับจัดวางของว่างหรืออาหารที่เหลือจากมื้อก่อน ๆ แล้วยกไปเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารได้เลย โดยไม่ต้องจัดใส่จานให้ยุ่งยากอีก สะดวกดีแฮะ
ช่องใส่ผักที่อยู่ถัดลงมามีขนาดใหญ่และกว้าง สามารถจัดเรียงผัก-ผลไม้ต่าง ๆ ได้มากมาย น่าจะถูกใจคนชอบทานผัก
ถัดลงมาชั้นล่างสุดเป็นช่องแช่ปรับอุณหภูมิอัจฉริยะ Cool Select Plus ซึ่งเด็ดตรงที่เราสามารถเปลี่ยนจากช่องแช่เย็นธรรมดาให้เป็นช่องแช่แข็งได้ด้วยปลายนิ้ว เพราะสามารถเลือกอุณหภูมิให้เหมาะสมกับอาหารประเภทต่าง ๆ ที่ต้องการแช่ได้ 3 แบบค่ะ
อย่างเช่น ถ้าเราจะแช่ของสดจำพวกผัก-ผลไม้ ก็เลือกปรับอุณหภูมิไว้ที่ 3°C หรือถ้าจะคงความสดใหม่ให้เนื้อสัตว์ก็สามารถปรับอุณหภูมิเป็น -5°C ได้ แต่ถ้าต้องการแช่แข็งเลย เราก็เลือกไปที่อุณหภูมิ -12°C นับว่าสะดวกและตอบโจทย์การใช้งานมากทีเดียว
อย่างเช่น ถ้าเราจะแช่ของสดจำพวกผัก-ผลไม้ ก็เลือกปรับอุณหภูมิไว้ที่ 3°C หรือถ้าจะคงความสดใหม่ให้เนื้อสัตว์ก็สามารถปรับอุณหภูมิเป็น -5°C ได้ แต่ถ้าต้องการแช่แข็งเลย เราก็เลือกไปที่อุณหภูมิ -12°C นับว่าสะดวกและตอบโจทย์การใช้งานมากทีเดียว
มาถึงไฮไลท์ของตู้เย็นรุ่นนี้ นั่นก็คือระบบกระจายความเย็นค่ะ เพราะซัมซุงเขาบอกมาว่า ตู้เย็นรุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี Twin Cooling Plus ที่มีระบบทำความเย็น 2 ระบบแยกอิสระจากกันระหว่างช่องฟรีซและช่องทำความเย็น จึงทำให้ความเย็นวนอยู่ในช่องนั้นช่องเดียว ความเย็นจึงกระจายได้ทั่วถึง ทีนี้อาหารสดที่เราแช่ไว้ก็จะสามารถเก็บรักษาความสดเอาไว้ได้นานขึ้น
เป็นนวัตกรรมน่าสนใจที่เป็นจุดขายของตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plus เค้าเลย กระปุกดอทคอมก็เลยลองแช่ผัก-ผลไม้สดทิ้งไว้ในตู้เย็น 5 วันแล้วกลับมาเปิดตู้เย็นดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เอ้า...มาดูกันว่าเป็นอย่างไร
เป็นนวัตกรรมน่าสนใจที่เป็นจุดขายของตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plus เค้าเลย กระปุกดอทคอมก็เลยลองแช่ผัก-ผลไม้สดทิ้งไว้ในตู้เย็น 5 วันแล้วกลับมาเปิดตู้เย็นดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เอ้า...มาดูกันว่าเป็นอย่างไร
ถือว่าน่าพอใจทีเดียวค่ะ เพราะผัก-ผลไม้ที่ผ่านการแช่ตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plusมาแล้ว 5 วันยังคงมีความสด ดูน่าทานอยู่ไม่น้อย เมื่อเทียบตู้เย็นรุ่นเก่า ๆ ที่เคยแช่ผัก-ผลไม้ทิ้งไว้ แต่ผ่านไปแค่ 3 วันก็เริ่มแห้งเหี่ยว ไม่น่าทานซะแล้ว
อ้อ ! และใครที่มักเจอปัญหาทำนองว่า กลิ่นจากช่องแช่เย็นด้านล่างไปรบกวนอาหารที่อยู่ในช่องแช่แข็งด้านบน ทำให้อาหารแช่แข็งเหม็นและเสียรสจนกินไม่ได้ เราจะไม่เจอปัญหานี้กับตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plus แน่นอน ด้วยความที่มีระบบความเย็นแยกกันเป็นสัดส่วน เลยป้องกันไม่ให้กลิ่นอาหารเล็ดลอดจากช่องแช่เย็นไปยังช่องแช่แข็งได้ ทีนี้ก็หมดห่วงเรื่องกลิ่นและรสชาติของอาหารที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปในช่องแช่แข็งได้เลย
ที่เจ๋งอีกอย่างก็คือ ตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plus มีระบบสลับความเย็นอัจฉริยะด้วยนะ ให้เราสามารถสลับการใช้งานตามความต้องการได้ถึง 5 โหมด อย่างโหมด Regular ก็คือการใช้งานแบบปกติ แต่ถ้าหากต้องการเพิ่มพื้นที่แช่เย็น ก็แค่กดเลือกโหมด Fridge Max เพื่อเปลี่ยนช่องแช่แข็งให้กลายเป็นช่องแช่เย็นเพิ่มมาอีกช่องหนึ่ง คราวนี้จะแช่ผัก-ผลไม้ หรืออาหารอะไรไว้ตู้ช่องบนก็ตามใจเลย
แต่ถ้าวันไหนเรามีของน้อย ก็สามารถเลือกโหมด Mini Fridge พักการใช้งานช่องแช่เย็นด้านล่าง แล้วไปใช้งานแต่ช่องแช่เย็นด้านบนก็ย่อมได้ ช่วยประหยัดพลังงานไปอีกขั้น แต่ถ้าจะให้ประหยัดพลังงานที่สุด ก็ต้องเลือกโหมด Energy Saving ที่จะพักการทำงานของช่องแช่แข็งด้านบน แล้วเปิดระบบความเย็นแต่เพียงช่องแช่เย็นด้านล่างเท่านั้น
ส่วนใครที่ต้องเดินทางไปไหน ไม่อยู่บ้านหลายวัน แต่ไม่อยากถอดปลั๊กตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plus ก็มีโหมด Vacation ซึ่งจะพักการทำงานช่องแช่เย็นด้านล่าง แต่เปิดการทำงานช่องแช่แข็งด้านบนไว้ให้เราเก็บอาหารสดที่คงเหลือให้ยังมีความสดใหม่น่ารับประทานอยู่เมื่อเรากลับมาถึงบ้าน ทั้งหมดนี่ปรับได้ง่าย ๆ ที่แผงควบคุมอุณหภูมิด้านหน้าค่ะ
นอกจากนี้ถ้ามองเลยเข้าไปยังด้านใน เราจะเห็นกล่อง Anti-Bacterial Protector ซึ่งมีไว้เพื่อรักษาสุขอนามัยภายในตู้เย็นให้สะอาดอยู่เสมอ โดยตาข่ายป้องกันแบคทีเรียจะช่วยสกัดและขจัดแบคทีเรียในตู้เย็น อีกทั้งยังมีแผ่นกรองอากาศชนิด Activated Carbon ที่จะช่วยฆ่าเชื้อ พร้อมทั้งขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้หมดไป
บอกกันตรง ๆ ว่ากระปุกดอทคอมมีโอกาสได้ลองใช้ตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plus แล้วก็ติดใจในประสิทธิภาพการเก็บรักษาอาหารสดให้สดใหม่ได้นานขึ้นกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าตู้เย็นสองระบบทำความเย็นดีกว่าหนึ่งจริง ๆ ล่ะเนอะ
เอาเป็นว่าถ้าใครเบื่อกับการต้องคัดอาหารทิ้งเพราะตู้เย็นตู้เก่าให้ความเย็นได้ไม่ทั่วถึง ก็ถึงเวลาที่เราน่าจะลองเปลี่ยนมาใช้ตู้เย็นที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ช่วยให้อาหารสดคงความสดน่ารับประทานได้นานขึ้น ปราศจากกลิ่นอาหารเหม็นคลุ้งไปทั่วตู้เย็น พร้อมด้วยนวัตกรรมที่ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย มอบคุณภาพอาหารที่ดีแบบที่เราไม่ต้องเสี่ยงต่อความเจ็บป่วยจากการรับประทานอาหารที่ไม่สด ไม่สะอาด เป็นการยกระดับการใช้ชีวิตของเราไปอีกขั้น
ที่มา : Kapook.com
------------------------------------------------------------------------------------
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://www.moryanaresuan.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น