พาบา (PABA) ประโยชน์ของพาบา 6 ข้อ !
- พาบา (PABA) หรือ กรดพารา-อะมิโนเบนโซอิก เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินบีรวม มีหน่วยวัดเป็นมิลลิกรัม (มก. หรือ mg.) ซึ่งร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้
- แหล่งที่พบพาบาตามธรรมชาติ ได้แก่ ตับ ไต ข้าว รำข้าว จมูกข้าวสาลี ธัญพืชไม่ขัดสี กากน้ำตาล บริเวอร์ยีสต์ เป็นต้น
- ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด ในปัจจุบันยังไม่พบว่ามีอันตรายต่อร่างกายหากรับประทานในปริมาณสูงและต่อเนื่อง แต่ไม่แนะนำให้รับประทานในปริมาณที่สูงต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน ส่วนอาการที่อาจบ่งบอกว่าในร่างกายได้รับพาบามากเกินไปที่พบเห็นได้บ่อยคือคลื่นไส้อาเจียน โดยศัตรูของพาบา ได้แก่ แอลกอฮอล์ น้ำ กระบวนการแปรรูปอาหาร ยาในกลุ่มซัลฟา ฮอร์โมนเอสโตรเจน
คำแนะนำในการรับประทานพาบา
- ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของพาบามีวางจำหน่ายตั้งแต่ 30 – 1,000 มิลลิกรัม มีทั้งแบบปกติและแบบแตกตัวช้า โดยขนาดที่นิยมรับประทานคือ 30 – 100 มิลลิกรัม วันละ 1 – 3 เวลา
- ในปัจุบันพาบายังไม่มีขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันอย่างเป็นทางการ
- หากคุณกำลังรับประทาน เพนิซิลลิน ควรจะรับประทานพาบาเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นจากอาหารหรือจากวิตามินเสริม
- เมื่อรับประทานกรดโฟลิกกับพาบาแล้ว จะส่งผลให้ผมที่ขาวกลับมาดกดำใหม่อีกครั้ง โดยต้องรับประทานในขนาด 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน และ 6 วันต่อสัปดาห์
ประโยชน์ของพาบา
- ช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีและเนียนนุ่ม
- ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้
- ช่วยลดความเจ็บปวดจากแผลไหม้
- ช่วยฟื้นคืนสีผมตามธรรมชาติให้กับเส้นผม โรคจากการขาดพาบาคือผื่นผิวหนังอักเสบชนิดเอ็กซีมา
- ช่วยสร้างกรดโฟลิก และมีส่วนสำคัญในการใช้โปรตีนของร่างกาย
- ช่วยในการดูดซึม เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกรดแพนโทเทนิก
แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)
------------------------------------------------------------------------------------
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://www.moryanaresuan.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น