วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

5 สิ่งที่ควรทำเมื่อ (เผลอ) หม่ำอาหารคอเลสเตอรอลสูง




วิธีลดคอเลสเตอรอล

          หากเผลอหม่ำอาหารคอเลสเตอรอลสูงเข้าไปหยก ๆ ก็อย่าเพิ่งตกอกตกใจ มาลดไขมันในเลือดตามนี้ได้เลย !

          เพราะอาหารไขมันสูงมันช่างน่าเย้ายวนใจ ดังนั้นคงไม่น่าแปลกเท่าไรที่เราจะเผลอตัวไปกินอาหารคอเลสเตอรอลสูงบ้าง ก็แหม...มันอดใจลำบากนี่เนอะ ทว่าหากใครรู้สึกผิดที่ตามใจปาก เอาเป็นว่ามาสารภาพบาปด้วย 5 สิ่งควรทำหลังเผลอหม่ำอาหารคอเลสเตอรอลสูงกันเลยจ้า

วิธีลดคอเลสเตอรอล

1. เดินออกกำลังกายสลายไขมัน


          หลังจบมื้ออาหารที่อุดมไปด้วยไขมัน แนะนำให้เดินย่อยไปสัก 30 นาทีเป็นอย่างต่ำ เพื่อให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงาน ซึ่งนอกจากจะได้เบิร์นแล้ว การเดินยังช่วยลดความอึดอัดหลังมื้ออาหาร และช่วยเพิ่มฮอร์โมนแห่งความสุขออกมาได้ด้วยนะ

วิธีลดคอเลสเตอรอล

2. ดื่มน้ำมะนาวอุ่น ๆ หลังมื้ออาหาร


          น้ำมะนาวมีองค์ประกอบคล้ายคลึงกับน้ำลาย และกรดไฮโดรคลอริกที่อยู่ในน้ำย่อย จึงส่งผลให้ตับผลิตน้ำดีซึ่งเป็นกรดที่จำเป็นในการย่อยอาหารออกมาช่วยย่อยอาหารคอเลสเตอรอลสูงได้มากขึ้น นอกจากนี้ฤทธิ์ในการย่อยของกรดในน้ำมะนาวยังจะช่วยบรรเทาอาการเกี่ยวกับอาหารไม่ย่อย เช่น กรดไหลย้อน ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ด้วย 

          อีกทั้งการดื่มน้ำมะนาวอุ่น ๆ จะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ไม่มีสารตกค้างในลำไส้ให้รู้สึกอึดอัดอีกต่างหาก


วิธีลดคอเลสเตอรอล

3. จิบชาลดไขมัน


หากหาน้ำมะนาวอุ่น ๆ กินลำบาก อาจเปลี่ยนมาจิบชาลดไขมันแทนก็ได้ค่ะ เพราะไม่เพียงแต่ชาจะช่วยลดไขมันได้เท่านั้น แต่ชาบางชนิดยังช่วยเบิร์นแคลอรีให้อีกด้วย โอ้โห ! ว่าแต่มีชาอะไรบ้างตามมาดูเลยจ้า

          - 8 ชาช่วยลดไขมัน แถมหั่นความอ้วน !

วิธีลดคอเลสเตอรอล

4. กินอาหารลดคอเลสเตอรอล


          ในเมื่อมีอาหารคอเลสเตอรอลสูงได้ ก็ต้องมีอาหารลดคอเลสเตอรอลได้เช่นกัน ฉะนั้นหากยังพอกินอาหารได้ไหว แนะนำให้กินกระเทียม หัวหอม หรือจะเลือกทานผลไม้ลดไขมัน 10 ชนิดต่อไปนี้เพื่อช่วยลดไขมันในเลือดอีกทางก็ได้ค่ะ 

          - ผลไม้ลดไขมัน 10 ชนิด อยากพิชิตความอ้วน ต้องลอง !

วิธีลดคอเลสเตอรอล

5. ทิ้งห่างเวลาสักพักก่อนเข้านอน


          หลังกินอาหารไขมันสูงเข้าไปควรทิ้งเวลาอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพราะการรับประทานอาหารหนัก ๆ โดยเฉพาะอาหารประเภทไขมัน อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรานอนไม่หลับ หรือเลยเถิดไปจนถึงเกิดฝันร้ายได้ เนื่องจากการรับประทานอาหารเหล่านี้ จะกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญในร่างกายต้องทำงานล่วงเวลา แถมยังส่งผลให้สมองต้องปลุกตัวเองมาสั่งการให้ร่างกายเผาผลาญอาหารที่กินเข้าไปอย่างต่อเนื่องจนจบสิ้นกระบวนการ 

          ดังนั้นเมื่อทั้งสองส่วนสำคัญของร่างกายยังคงทำงานอยู่อย่างนี้ ตัวเราเองก็เลยนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย รู้สึกร้อน จนนอนฝันร้ายขึ้นมาได้ง่าย ๆ ที่สำคัญระบบเผาผลาญอาจเหนื่อยเกินกว่าจะเบิร์นไขมันในร่างกายได้หมด ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการสะสมไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และจบด้วยการอ้วนขึ้นได้นะจ๊ะ ดังนั้นลองหากิจกรรมอื่น ๆ ทำเพื่อฆ่าเวลา เช่น เดินช้อปปิ้ง เดินเล่นในสวน หรือจะทำงานบ้านก็แล้วแต่สะดวกเลยจ้า

          อาหารไขมันสูงอยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด ดังนั้นหากใครเผลอตัวเผลอใจหม่ำอาหารไขมันสูงเข้าไปซะเยอะ ก็อย่าลืมปฏิบัติตัวตาม 5 ข้อนี้ด้วยนะคะ อย่างน้อยจะได้ช่วยเพิ่มโอกาสเบิร์นไขมัน และลดความเสี่ยงไขมันในเส้นเลือดสูงไปได้บ้างไม่มากก็น้อย

ภาพจาก stocksnap.io 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
stylecraze
wellnessresources
tasty-yummies

------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเราเป็นเพื่อนเฟสบุคหมอยานเรศวร  http://www.facebook.com/moryanaresuan  
ติดตามเราเป็นเพื่อนทางไลน์ http://line.me/ti/p/%40morya
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://www.moryanaresuan.com/

5 วิธีใส่ผ้าปิดปากคาร์บอน ชัดเจนทุกขั้นตอน ไม่ต้องสับสนอีกต่อไป

วิธีใส่ผ้าปิดปากคาร์บอน

          หลายคนยังสับสนไม่หายว่าผ้าปิดปากคาร์บอนจริง ๆ แล้วต้องใส่อย่างไรจึงจะถูกต้องและป้องกันเราได้อย่างเต็มที่ งั้นเอาเป็นว่ามาดูวิธีใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้องกันค่ะ

          ฝุ่นควัน ละออง และเชื้อโรคที่แฝงมากับอากาศรอบ ๆ ตัวเราเป็นปัจจัยสำคัญของการเกิดโรคภัยต่าง ๆ ดังนั้นทางป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายที่ดีที่สุดก็คือการสวมใส่หน้ากากอนามัย แต่เชื่อไหมคะว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังสับสนกับการใส่หน้ากากอนามัยอยู่ โดยเฉพาะการใส่ผ้าปิดปากคาร์บอนหรือหน้ากากอนามัยคาร์บอน ซึ่งก็คือหน้ากากอนามัยที่มีชั้นกรองคาร์บอนสำหรับกรองกลิ่นไม่พึงประสงค์ และไอของสารเคมีที่มาจากมลพิษทางอากาศ ควันจากท่อไอเสียเครื่องยนต์ชนิดต่าง ๆ ว่าตกลงต้องหันด้านไหนออก หันด้านไหนเข้ากันแน่นะ ?

          เอาเป็นว่ามาคลายข้อสงสัยไปพร้อมกับเรียนรู้วิธีใส่ผ้าปิดปากคาร์บอนที่ถูกต้องกันเลยดีกว่า


วิธีใส่ผ้าปิดปากคาร์บอน

วิธีใส่ผ้าปิดปากคาร์บอน

วิธีใส่ผ้าปิดปากคาร์บอน 

          1.
 ล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบผ้าปิดปากคาร์บอนมาสวมใส่

          2. ใช้มือจับที่สายคล้องหูทั้ง 2 ข้าง แล้วตรวจสอบหน้ากากอนามัยโดยหันด้านสีเข้มออกด้านนอก ด้านสีจางหันเข้าด้านใน แถบเหล็กต้องอยู่ด้านบน และรอยจีบพับต้องคว่ำลง

          3. สวมใส่หน้ากากโดยดึงสายคล้องหูเข้ากับหูให้กระชับ 

          4. ดัดแถบเหล็กให้แนบชิดไปกับสันจมูก และดึงหน้ากากคาร์บอนด้านล่างให้คลุมลงมาถึงใต้คาง เพื่อความมิดชิด

          5. เมื่อต้องการดื่มน้ำ หรือประทานอาหารกลางวันก็ไม่จำเป็นต้องถอดหน้ากากคาร์บอนออก เพียงแค่ดึงหน้ากากอนามัยลงมาไว้ใต้คางก็พอ และเมื่อรับประทานอาหารเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว ให้ดึงหน้ากากคาร์บอนกลับมาคลุมจมูกเหมือนเดิม แต่ก็อย่าลืมล้างมือทุกครั้งหลังจากแตะหรือจับหน้าผ้าปิดปากด้วยนะคะ

วิธีใส่ผ้าปิดปากคาร์บอน

          นอกจากนี้ยังมีข้อควรปฎิบัติในการสวมใส่หน้ากากอนามัยมาฝากเพิ่มเติมด้วย ดังนี้ค่ะ

          1. เมื่อไรก็ตามที่หน้ากากอนามัยเปรอะเปื้อน เปียกชื้น หรือชำรุด ให้เปลี่ยนหน้ากากอนามัยใหม่ทุกกรณี

          2. เมื่อต้องการถอดหน้ากากอนามัย อย่าจับที่ตัวผ้าเด็ดขาด เพราะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคนับล้าน ๆ ตัว แต่ให้จับที่สายคล้องหูและถอดหน้ากากออกมาแทน

          3. ควรทิ้งหน้ากากอนามัยในถังขยะที่มีฝาปิด หรือทิ้งหน้ากากอนามัยในถุงพลาสติกและมัดปากถุงให้เรียบร้อย ก่อนหย่อนลงถังขยะ

          4. ควรเปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุกวัน ไม่ควรใช้ซ้ำ เพราะจะเป็นการสะสมเชื้อโรคหรือแพร่กระจายเชื้อโรคไปยังที่ต่าง ๆ ได้ และล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ทุกครั้งหลังจากจับหน้ากากอนามัยใช้แล้ว

          เชื้อโรคจะไม่มีทางเข้ามาก่อกวนสุขภาพของเราได้ แค่เรารู้จักใช้หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีนะคะ ดังนั้นหากใครยังสวมใส่หน้ากากอนามัยแบบมึนงงกันอยู่ ก็ได้เวลามาใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีกันแล้ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
 
กรมควบคุมโรค
------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเราเป็นเพื่อนเฟสบุคหมอยานเรศวร  http://www.facebook.com/moryanaresuan  
ติดตามเราเป็นเพื่อนทางไลน์ http://line.me/ti/p/%40morya
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://www.moryanaresuan.com/

ระวังผักสลัดในถุงพร้อมกิน ซ่อนเชื้อร้ายอันตรายกว่าที่คิด

ผักสลัด
          คนรักสุขภาพที่ชอบความสะดวกสบาย ตัดสินใจซื้อสลัดผักพร้อมกินมารับประทาน รู้หรือไม่ว่าอาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพให้ยุ่งยากกว่าการเสียเวลาทำสลัดผักกินเองซะอีก

          ยุคสมัยนี้ความสะดวกสบายมักจะเป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ในการเลือกซื้อสินค้า ไม่เว้นแม้กระทั่งอาหาร โดยเฉพาะคนรักสุขภาพที่มักจะซื้อสลัดผักพร้อมกินบรรจุถุง เพราะคิดว่าประหยัดเวลาในการล้างและหั่นผักสลัด ทว่าความสะดวกสบายนั้นอาจซ่อนภัยร้ายไว้นะคะ อย่างที่งานวิจัยชิ้นหนึ่งเขาออกโรงเตือนมาว่า...
          ผักสลัดที่ถูกล้าง หั่น และบรรจุใส่ถุงพร้อมรับประทาน จะมีน้ำที่ซึมออกมาจากผักเหล่านี้ และการขังวนกันอยู่ของน้ำผักในถุงดังกล่าว อาจนำพาเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลล่า​ (Salmonella) ซึ่งเป็นเชื้อต้นเหตุของอาการอาหารเป็นพิษให้เข้ามาจู่โจมระบบทางเดินอาหารของเราได้

ผักสลัด
 
          โดยงานวิจัยชิ้นนี้เป็นของมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ (Leicester) ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Environmental Microbiology ซึ่งข้อมูลจากงานวิจัยก็น่าสะพรึงไม่เบาเลยล่ะค่ะ เพราะนักวิจัยเผยผลการทดลองมาว่า ผักสลัดในถุงที่ถูกแช่ทิ้งไว้ในตู้เย็นเป็นเวลา 5 วันเต็ม ๆ ตรวจพบเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลล่า​ได้มากถึง 100,000 ตัว จากวันแรกที่ตรวจพบเชื้อชนิดนี้เพียง 100 กว่าตัวเท่านั้น บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวเจริญเติบโตในน้ำที่ซึมออกมาจากผักได้ดีมากจนน่าตกใจ
          ทว่าข่าวร้ายยังไม่จบเพียงแค่นั้นค่ะ เพราะเจ้าเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลล่า​ยังไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการล้างผักซ้ำอีกด้วยนะคะ อีกทั้งเมื่อน้ำผักปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลล่าอยู่​แล้ว เจ้าเชื้อชนิดนี้อาจลามไปปนเปื้อนตามใบของผักสลัดชนิดต่าง ๆ ที่อยู่ในถุงนั้น จานที่ใส่สลัด ภาชนะที่เรานำผักสลัดไปล้างซ้ำ รวมไปถึงปนเปื้อนไปยันเนื้อฟันของคนที่กินสลัดผักถุงนี้เข้าไป แล้วไหลเข้าสู่ลำไส้เราพร้อมกับน้ำลายและผักสลัดที่ปนเปื้อนเชื้อ กลายเป็นการแพร่เชื้อแบบโดมิโนกันเลยทีเดียว ดังนั้นนักวิจัยจึงเตือนว่า การป้องกันเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลล่ามาก่อโรคอาหารเป็นพิษหรืออาการท้องเสีย เหล่าสลัดเลิฟเวอร์ก็ควรจะเลือกซื้อผักสลัดเอง รวมทั้งล้างและหั่นผักสลัดรับประทานกันสด ๆ มื้อต่อมื้อจะปลอดภัยที่สุด

ผักสลัด
          ทว่าคนรักสุขภาพที่ชอบกินสลัดผักมาก ๆ แต่ก็รักความสะดวกสบายจนขี้เกียจเตรียมผักสลัดกินเองก็ใช่ว่าจะหมดหนทางกันซะทีเดียว โดยคุณหมอผิง หรือแพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล ก็แนะนำมาว่า หากจำเป็นต้องซื้อสลัดผักแบบพร้อมกินมารับประทาน ควรเลือกแบรนด์ที่เชื่อถือได้ ดูวันที่ผลิต เลือกห่อที่ไม่มีน้ำผักออกมาปนเปื้อนเยอะ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเจอเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนในผัก และทุกครั้งที่ซื้อผักสลัดมา ควรล้างผักซ้ำก่อนรับประทาน เพื่อชะล้างสิ่งสกปรกและยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนมากับผัก อีกอย่างก็ควรรับประทานทันที อย่าเก็บไว้หลาย ๆ วันค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก Pleasehealth Book โดย พ.ญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล 
phys.org
------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเราเป็นเพื่อนเฟสบุคหมอยานเรศวร  http://www.facebook.com/moryanaresuan  
ติดตามเราเป็นเพื่อนทางไลน์ http://line.me/ti/p/%40morya
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://www.moryanaresuan.com/

เช็กเลย ! ตรวจสุขภาพฟรีกับประกันสังคม ตรวจอะไรได้บ้าง

สิทธิประกันสังคมให้ผู้ประกันตนตรวจสุขภาพพื้นฐานได้ฟรี แต่จะตรวจอะไรได้บ้าง มาอ่านเลย

          ผู้ประกันตนในสิทธิประกันสังคมคงทราบข่าวแล้วว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 สำนักงานประกันสังคมได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยให้ผู้ประกันตนเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีได้ฟรี เพียงยื่นบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาล ณ สถานพยาบาลที่เลือกไว้

          ทั้งนี้ผู้ประกันจะสามารถตรวจสุขภาพพื้นฐานได้หลายรายการ เช่น ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจการทำงานของไต ฯลฯ เพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงภาวะผิดปกติ นำไปสู่การป้องกันและส่งเสริมสุขภาพต่อไป หากพบความผิดปกติก็จะได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกตามรายการ และหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งสำนักงานประกันสังคมก็ได้แจกแจงรายละเอียดการตรวจสุขภาพมาให้ผู้ประกันตนได้เช็กกันว่า เราสามารถใช้สิทธิตรวจสุขภาพรายการไหนได้บ้าง ตามตารางนี้เลย

สิทธิประกันสังคม
          หากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่สายด่วนประกันสังคม 1506 หรือทางเว็บไซต์ sso.go.th 


ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน
------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเราเป็นเพื่อนเฟสบุคหมอยานเรศวร  http://www.facebook.com/moryanaresuan  
ติดตามเราเป็นเพื่อนทางไลน์ http://line.me/ti/p/%40morya
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://www.moryanaresuan.com/

ง่ายนิดเดียว ! เคล็ดลับเก็บอาหารในตู้เย็นให้สดใหม่ คงคุณค่าได้นานกว่าเดิม

ตู้เย็น

          ยุคนี้กระแสเฮลธ์ตี้มาแรงสุด ๆ เห็นได้จากคนจำนวนไม่น้อยเอาจริงเอาจังกับการออกกำลังกาย และเลือกทานอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น ซึ่งคนรักสุขภาพส่วนใหญ่ก็จะทำอาหารทานเองที่บ้านนี่แหละค่ะ เพราะจะได้มั่นใจในความสด สะอาดของอาหาร ดังนั้นในตู้เย็นของคนรักสุขภาพจึงเต็มไปผัก-ผลไม้ อาหารสด ๆ ใหม่ ๆ ที่แช่ไว้รอให้หยิบออกมาปรุงจานเด็ด 

          แต่บ่อยครั้งความเซ็งก็บังเกิด เพราะผัก-ผลไม้สด ๆ ที่ซื้อมาแช่ตู้เย็นไว้ ผ่านไปได้ไม่กี่วันมาเปิดตู้เย็นอีกที โอ้โห...ผัก-ผลไม้ที่เคยสดใหม่น่ารับประทาน กลายเป็นใบเหี่ยว ๆ เฉา ๆ ดูเหมือนเกือบจะเน่าอยู่รอมร่อ แถมยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาหารจากช่องแช่เย็นด้านล่างที่มากวนถึงช่องแช่แข็งด้านบนอีก เฮ้อ...นี่ต้องตัดใจทิ้งอาหารไปอีกแล้วเหรอเนี่ย ?


ตู้เย็น
          ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะตู้เย็นรุ่นเก่า ๆ ถึงแม้จะมี 2 ช่อง แต่กลับมีระบบกระจายความเย็นเพียงระบบเดียวใช้ร่วมกัน ทำให้ตู้เย็นส่งความเย็นได้ไม่ทั่วถึง จึงไม่สามารถรักษาความชุ่มชื้นของอาหารไว้ได้ อาหารก็เลยเปลี่ยนสภาพเร็ว แถมยังมีกลิ่นรบกวนอีกต่างหาก แต่ปัญหาทำนองนี้จะหมดไปถ้าเราเปลี่ยนมาใช้ตู้เย็นที่มีระบบกระจายความเย็น 2 ระบบ แยกกันเป็นสัดส่วน อย่างตู้เย็น "Samsung Twin Cooling Plus" ซึ่งจะช่วยให้เราเก็บอาหารสดได้ยาวนานขึ้นและหมดปัญหากลิ่นปะปนของอาหาร 

          เอาเป็นว่าวันนี้กระปุกดอทคอมขอเปิดตู้เย็นท้าพิสูจน์ด้วยตัวเองเลยว่า ตู้เย็นที่มีระบบกระจายความเย็น 2 ระบบ แตกต่างกับตู้เย็นแบบเก่าที่มีระบบเดียวอย่างไร


ตู้เย็น

          สำหรับตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plus ที่เราจะได้สัมผัสกัน เป็นรุ่น RT62K7350BS/ST ขนาด 20.1 คิวค่ะ เริ่มจากบอดี้ด้านนอกของตู้เย็นกันก่อน เห็นปุ๊บต้องบอกว่าตู้เย็น 2 ประตูสีดำรุ่นนี้ดูเรียบหรูไม่เบา ด้านบนเป็นช่องแช่แข็ง ส่วนด้านล่างเป็นช่องแช่เย็นทั่วไป
 

ตู้เย็น
          ด้านหน้าช่องแข็งเป็นแผงแสดงอุณหภูมิของตู้เย็นแบบดิจิทัลที่ให้เราสามารถเลือกปรับอุณหภูมิและปรับโหมดได้ทั้งช่องบนและช่องล่างตามการใช้งานของเรา ดูไฮเทคดีจัง

ตู้เย็น 

          เก๋สุด ๆ ก็คือมีช่องกดน้ำเย็น อำนวยความสะดวกให้เราดื่มน้ำเย็นชื่นใจได้โดยไม่ต้องเปิด ๆ ปิด ๆ ตู้เย็นให้เปลืองไฟเลย

คราวนี้มาเปิดตู้เย็นชมด้านในกันบ้าง
 
ตู้เย็น

ตู้เย็น
 
          โอ้โห...พื้นที่กว้างไม่ใช่เล่นเลยนะคะ ซึ่งด้วยขนาดความจุถึง 620 ลิตร แน่นอนว่าต่อให้ซื้อของมาเยอะเกินไป ก็เก็บเข้าตู้เย็นได้อย่างสบาย ๆ เลย
 

ตู้เย็น

ตู้เย็น 


          ตู้บนเป็นช่องแช่แข็งหรือช่องฟรีซ เก็บความเย็นและถนอมอาหารให้สดใหม่อยู่เสมอ จะทำน้ำแข็ง หรือแช่ไอศกรีมไว้ทานก็จัดไป
 

ตู้เย็น

          ตู้ล่าง มีชั้นวางของค่อนข้างเยอะ ดูเป็นสัดเป็นส่วนดี จะจัดอะไร ใส่ตรงไหนก็ง่าย

ตู้เย็น

          แอบเห็นตรงนี้มีถาด Deli Tray ไซส์กะทัดรัด สามารถถอดออกได้ ใช้สำหรับจัดวางของว่างหรืออาหารที่เหลือจากมื้อก่อน ๆ แล้วยกไปเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารได้เลย โดยไม่ต้องจัดใส่จานให้ยุ่งยากอีก สะดวกดีแฮะ
 

ตู้เย็น
           ช่องใส่ผักที่อยู่ถัดลงมามีขนาดใหญ่และกว้าง สามารถจัดเรียงผัก-ผลไม้ต่าง ๆ ได้มากมาย น่าจะถูกใจคนชอบทานผัก

ตู้เย็น

ตู้เย็น
          ถัดลงมาชั้นล่างสุดเป็นช่องแช่ปรับอุณหภูมิอัจฉริยะ Cool Select Plus ซึ่งเด็ดตรงที่เราสามารถเปลี่ยนจากช่องแช่เย็นธรรมดาให้เป็นช่องแช่แข็งได้ด้วยปลายนิ้ว เพราะสามารถเลือกอุณหภูมิให้เหมาะสมกับอาหารประเภทต่าง ๆ ที่ต้องการแช่ได้ 3 แบบค่ะ 

          อย่างเช่น ถ้าเราจะแช่ของสดจำพวกผัก-ผลไม้ ก็เลือกปรับอุณหภูมิไว้ที่ 3°C หรือถ้าจะคงความสดใหม่ให้เนื้อสัตว์ก็สามารถปรับอุณหภูมิเป็น -5°C ได้ แต่ถ้าต้องการแช่แข็งเลย เราก็เลือกไปที่อุณหภูมิ -12°C นับว่าสะดวกและตอบโจทย์การใช้งานมากทีเดียว

ตู้เย็น
          มาถึงไฮไลท์ของตู้เย็นรุ่นนี้ นั่นก็คือระบบกระจายความเย็นค่ะ เพราะซัมซุงเขาบอกมาว่า ตู้เย็นรุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี Twin Cooling Plus ที่มีระบบทำความเย็น 2 ระบบแยกอิสระจากกันระหว่างช่องฟรีซและช่องทำความเย็น จึงทำให้ความเย็นวนอยู่ในช่องนั้นช่องเดียว ความเย็นจึงกระจายได้ทั่วถึง ทีนี้อาหารสดที่เราแช่ไว้ก็จะสามารถเก็บรักษาความสดเอาไว้ได้นานขึ้น 

          เป็นนวัตกรรมน่าสนใจที่เป็นจุดขายของตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plus เค้าเลย กระปุกดอทคอมก็เลยลองแช่ผัก-ผลไม้สดทิ้งไว้ในตู้เย็น 5 วันแล้วกลับมาเปิดตู้เย็นดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เอ้า...มาดูกันว่าเป็นอย่างไร

ตู้เย็น

ตู้เย็น

ตู้เย็น
 
ตู้เย็น
          ถือว่าน่าพอใจทีเดียวค่ะ เพราะผัก-ผลไม้ที่ผ่านการแช่ตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plusมาแล้ว 5 วันยังคงมีความสด ดูน่าทานอยู่ไม่น้อย เมื่อเทียบตู้เย็นรุ่นเก่า ๆ ที่เคยแช่ผัก-ผลไม้ทิ้งไว้ แต่ผ่านไปแค่ 3 วันก็เริ่มแห้งเหี่ยว ไม่น่าทานซะแล้ว 
ตู้เย็น
          อ้อ ! และใครที่มักเจอปัญหาทำนองว่า กลิ่นจากช่องแช่เย็นด้านล่างไปรบกวนอาหารที่อยู่ในช่องแช่แข็งด้านบน ทำให้อาหารแช่แข็งเหม็นและเสียรสจนกินไม่ได้ เราจะไม่เจอปัญหานี้กับตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plus แน่นอน ด้วยความที่มีระบบความเย็นแยกกันเป็นสัดส่วน เลยป้องกันไม่ให้กลิ่นอาหารเล็ดลอดจากช่องแช่เย็นไปยังช่องแช่แข็งได้ ทีนี้ก็หมดห่วงเรื่องกลิ่นและรสชาติของอาหารที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปในช่องแช่แข็งได้เลย 

ตู้เย็น
          ที่เจ๋งอีกอย่างก็คือ ตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plus มีระบบสลับความเย็นอัจฉริยะด้วยนะ ให้เราสามารถสลับการใช้งานตามความต้องการได้ถึง 5 โหมด อย่างโหมด Regular ก็คือการใช้งานแบบปกติ  แต่ถ้าหากต้องการเพิ่มพื้นที่แช่เย็น ก็แค่กดเลือกโหมด Fridge Max เพื่อเปลี่ยนช่องแช่แข็งให้กลายเป็นช่องแช่เย็นเพิ่มมาอีกช่องหนึ่ง คราวนี้จะแช่ผัก-ผลไม้ หรืออาหารอะไรไว้ตู้ช่องบนก็ตามใจเลย


ตู้เย็น
          แต่ถ้าวันไหนเรามีของน้อย ก็สามารถเลือกโหมด Mini Fridge พักการใช้งานช่องแช่เย็นด้านล่าง แล้วไปใช้งานแต่ช่องแช่เย็นด้านบนก็ย่อมได้ ช่วยประหยัดพลังงานไปอีกขั้น แต่ถ้าจะให้ประหยัดพลังงานที่สุด ก็ต้องเลือกโหมด Energy Saving ที่จะพักการทำงานของช่องแช่แข็งด้านบน แล้วเปิดระบบความเย็นแต่เพียงช่องแช่เย็นด้านล่างเท่านั้น 

ตู้เย็น
          ส่วนใครที่ต้องเดินทางไปไหน ไม่อยู่บ้านหลายวัน แต่ไม่อยากถอดปลั๊กตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plus ก็มีโหมด Vacation ซึ่งจะพักการทำงานช่องแช่เย็นด้านล่าง แต่เปิดการทำงานช่องแช่แข็งด้านบนไว้ให้เราเก็บอาหารสดที่คงเหลือให้ยังมีความสดใหม่น่ารับประทานอยู่เมื่อเรากลับมาถึงบ้าน ทั้งหมดนี่ปรับได้ง่าย ๆ ที่แผงควบคุมอุณหภูมิด้านหน้าค่ะ

ตู้เย็น

ตู้เย็น
          นอกจากนี้ถ้ามองเลยเข้าไปยังด้านใน เราจะเห็นกล่อง Anti-Bacterial Protector ซึ่งมีไว้เพื่อรักษาสุขอนามัยภายในตู้เย็นให้สะอาดอยู่เสมอ โดยตาข่ายป้องกันแบคทีเรียจะช่วยสกัดและขจัดแบคทีเรียในตู้เย็น อีกทั้งยังมีแผ่นกรองอากาศชนิด Activated Carbon ที่จะช่วยฆ่าเชื้อ พร้อมทั้งขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้หมดไป 

ตู้เย็น

ตู้เย็น



ตู้เย็น

ตู้เย็น
          บอกกันตรง ๆ ว่ากระปุกดอทคอมมีโอกาสได้ลองใช้ตู้เย็น Samsung Twin Cooling Plus แล้วก็ติดใจในประสิทธิภาพการเก็บรักษาอาหารสดให้สดใหม่ได้นานขึ้นกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าตู้เย็นสองระบบทำความเย็นดีกว่าหนึ่งจริง ๆ ล่ะเนอะ
 
ตู้เย็น

          
เอาเป็นว่าถ้าใครเบื่อกับการต้องคัดอาหารทิ้งเพราะตู้เย็นตู้เก่าให้ความเย็นได้ไม่ทั่วถึง ก็ถึงเวลาที่เราน่าจะลองเปลี่ยนมาใช้ตู้เย็นที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ช่วยให้อาหารสดคงความสดน่ารับประทานได้นานขึ้น ปราศจากกลิ่นอาหารเหม็นคลุ้งไปทั่วตู้เย็น พร้อมด้วยนวัตกรรมที่ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย มอบคุณภาพอาหารที่ดีแบบที่เราไม่ต้องเสี่ยงต่อความเจ็บป่วยจากการรับประทานอาหารที่ไม่สด ไม่สะอาด เป็นการยกระดับการใช้ชีวิตของเราไปอีกขั้น

ที่มา : Kapook.com

------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเราเป็นเพื่อนเฟสบุคหมอยานเรศวร  http://www.facebook.com/moryanaresuan  
ติดตามเราเป็นเพื่อนทางไลน์ http://line.me/ti/p/%40morya
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://www.moryanaresuan.com/

6 ภัยจากหน้าหนาว ที่ต้องรู้ให้ทัน เพราะอันตรายถึงชีวิต !

โรคหน้าหนาว
          ภัยหน้าหนาวที่เราต้องระวังและป้องกันไว้ก่อน เพราะหากประมาทอาจต้องสูญเสียชีวิต
          ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว บริเวณพื้นที่สูง บนยอดดอย อุณหภูมิเริ่มลดต่ำลงเรื่อย ๆ หรือแม้แต่กรุงเทพฯ ก็เริ่มมีลมเย็นให้คนเมืองได้สัมผัสไอหนาวให้พอยิ้มได้ ส่วนจะหนาวยาวนานกี่วันนั้น เป็นเรื่องที่คนกรุงยังต้องลุ้นต่อไป  

          อย่างไรก็ตาม ฤดูหนาวที่มาเยือนนี้ นอกจากภัยสุขภาพแล้ว ก็ยังมีภัยใกล้ตัวอื่น ๆ ที่มักเกิดขึ้นบ่อย ๆในฤดูหนาว วันนี้ทีมเว็บไซต์ สสส. มีวิธีการป้องกันเพื่อให้รู้เท่าทันรับมือภัยหน้าหนาวปีนี้ ดังต่อไปนี้ค่ะ   

โรคหน้าหนาว
1. เลี่ยงอาบน้ำเย็นจัดเสี่ยงช็อก

          ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น หรือบริเวณยอดเขาที่มีอุณหภูมิต่ำมาก กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาเตือนว่า ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำที่เย็นจัด เพราะจะเสี่ยงต่อภาวะช็อก ซึ่งภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อร่างกายสัมผัสกับน้ำ หรืออุณหภูมิที่เย็นจัด โดยไม่ได้เตรียมตัวหรือให้ร่างกายปรับตัวก่อน ระบบประสาทจึงมีการตอบสนองอย่างฉับพลัน ทำให้เกิดอาการหายใจลำบาก อีกทั้งความเย็นจัดแบบฉับพลันนี้ จะทำให้เส้นเลือดหดตัวเร็ว ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะไม่เพียงพอ เกิดอาการหมดสติได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำเย็นจัด หรือหากจำเป็นควรเช็ดตัวก่อน หรือค่อย ๆ อาบโดยใช้น้ำลูบตัว เพื่อให้ร่างกายปรับตัวก่อน

2. ระวังภัยเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส

          หน้าหนาวนี้หลายคนได้ออกเดินทางไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งในบางสถานที่พักได้มีการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส โดยกรมควบคุมโรคได้แนะนำให้ผู้ประกอบการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊สให้ได้มาตรฐาน ภายในห้องที่มีการระบายอากาศที่เพียงพอ ติดป้ายเตือน และบอกถึงวิธีการใช้งานอย่างชัดเจน 

          สำหรับผู้ใช้ควรสังเกตอาการที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับแก๊สระหว่างอาบน้ำ เช่น เกิดอาการวิงเวียน หน้ามืด หายใจลำบาก ควรรีบออกจากห้องน้ำ หรือหากได้กลิ่นแก๊สผิดปกติ ควรรีบเปิดประตู ปิดเครื่องทำน้ำอุ่น และออกจากห้องน้ำทันที โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวต้องระวังเป็นพิเศษ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น แต่หากห้องน้ำไม่มีเครื่องระบายอากาศ แนะนำว่าให้เปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที ก่อนที่คนอื่นจะอาบน้ำต่อ หรือหากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติม โทร. สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ได้ตลอดเวลา

3.กินเหล้าแก้หนาว ความเชื่อผิด ๆ

          จากสภาพอากาศหนาวเย็น บางคนนิยมดื่มเหล้า เพราะมีความเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นร่างกาย แก้หนาวได้ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาเตือนแล้วว่าเป็นความเชื่อที่ผิด และเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก และย้ำว่าไม่ควรดื่มสุราแก้หนาว เนื่องจากในช่วงแรกร่างกายจะรู้สึกร้อนวูบวาบ จากนั้นอุณหภูมิร่างกายจะลดต่ำกว่าปกติ และสูญเสียความร้อนเร็วขึ้น หากดื่มในปริมาณมากจนเมา และเผลอหลับโดยไม่ห่มผ้า หรือสวมเสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่นเพียงพอ อาจทำให้เสียชีวิตได้

โรคหน้าหนาว
4. ภัยเงียบเสื้อกันหนาวมือสอง
          เข้าสู่หน้าหนาวประชาชนส่วนใหญ่มักซื้อเสื้อกันหนาวมาสวมใส่ โดยเฉพาะเสื้อกันหนาวมือสอง สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ในเสื้อกันหนาวมือสองอาจมีเชื้อโรค หากไม่ทำความสะอาดก่อนอาจเกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคกลากเกลื้อน โรคภูมิแพ้ และโรคผิวหนังจากพาหะนำโรค เช่น ตัวไร ตัวเรือด เห็บ หมัด และโลน 

          ผู้ซื้อจึงควรสวมผ้าปิดจมูกขณะเลือกซื้อ เพื่อป้องกันการสูดฝุ่นละอองที่มากับเสื้อผ้า หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่ทำจากหนังสัตว์ ประเภทขนฟู เพราะทำความสะอาดยาก อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้ และควรทำความสะอาดด้วยผงซักฟอก หรือน้ำยาซักผ้า แล้วนำมาต้มในน้ำเดือด หรือน้ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที - 1 ชั่วโมง แล้วนำไปตากแดดจัดให้แห้ง ก่อนนำมาสวมใส่ ในส่วนของผู้ขายควรวางเสื้อผ้าไว้บนโต๊ะ ไม่วางกองกับพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีฝุ่นละออง และแมลงชนิดต่าง ๆ เข้าไปอาศัยในเสื้อผ้าได้

5. อุบัติเหตุทางถนน
          ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้แนะนำการเดินทางบนท้องถนนในสภาพอากาศหนาวเย็น โดยให้ผู้ขับขี่ระมัดระวังในการขับรถผ่านเส้นทางที่มีหมอกลงจัด และควันไฟปกคลุม ด้วยการเปิดไฟหน้ารถ ไฟตัดหมอก ไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ ไม่เปลี่ยนช่องทางจราจรกะทันหัน ไม่ขับแซงในระยะกระชั้นชิด 

          หากมีหมอกลงจัดจนมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน ควรจอดรถในบริเวณที่ปลอดภัย เช่น ที่พักริมทาง สถานีบริการน้ำมัน รอจนหมอกบาง จึงค่อยขับรถไปต่อ โดยล่าสุดนี้ สำนักงานกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้จัดทำโครงการ "เปิดไฟหน้ารถ ช่วยลดอุบัติเหตุ" ด้วยการเชิญชวนทุกคนสร้างวินัยจราจรเปิดไฟหน้ารถ เพื่อลดการสูญเสียอุบัติเหตุบนท้องถนน


โรคหน้าหนาว
6. ดูแลสุขภาพรับอากาศหนาว

          สภาพอากาศหนาวเย็น ควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง โดยสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ สวมถุงมือ ถุงเท้า สร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย และหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ รวมถึงดูแลเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นพิเศษ เพราะมีภูมิต้านทานต่ำ ทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย เพราะหากเจ็บป่วยจะมีอาการรุนแรงกว่าคนทั่วไป 

          อีกทั้งไม่ควรนอนในที่โล่งแจ้งโดยไม่สวมเสื้อผ้าหรือห่มผ้า เพราะอากาศที่หนาวเย็นทำให้เลือดไหลเวียนช้า ร่างกายขาดออกซิเจน ส่งผลให้เกิดอาการช็อกและเสียชีวิตได้ หรือการดูแลสุขภาพง่าย ๆ ตามแนวคิดของ สสส. คือ  "3 อ. 2 ส." โดย 3 อ. ประกอบด้วย ออกกำลังกายให้เหมาะสมและเพียงพอ วันละ 30 นาที การกินอาหารลดหวาน มัน เค็ม และปรับอารมณ์ให้ไม่เครียดมากเกินไป ขณะที่ 2 ส. คือ ลดการสูบบุหรี่ และลดการดื่มสุรา

          หน้าหนาวนี้ การเรียนรู้วิธีปฏิบัติตนอย่างถูกวิธี จะช่วยป้องกันอันตรายและลดผลกระทบจากภัยในช่วงฤดูหนาวได้รวมถึงทำให้การดำเนินชีวิตในช่วงฤดูหนาวเป็นไปอย่างปลอดภัย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เรื่องโดย  :  เสาวลักษณ์ พิสิษฐ์ไพบูลย์ team content www.thaihealth.or.th
------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเราเป็นเพื่อนเฟสบุคหมอยานเรศวร  http://www.facebook.com/moryanaresuan  
ติดตามเราเป็นเพื่อนทางไลน์ http://line.me/ti/p/%40morya
สนใจสินค้าสุขภาพและความงาม http://www.moryanaresuan.com/